ผลบอลย้อนหลัง คลิปฟุตบอล ผลบอลวันนี้ ผลบอลสด บ้านผลบอล คลิปบอลเมื่อคืน

ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ภูมิแพ้ หวัด ใช้อย่างไรให้ถูก

ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ภูมิแพ้ หวัด ใช้อย่างไรให้ถูก

ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ภูมิแพ้ หวัด คนไม่ใช่น้อยอาจงวยงงว่าเป็นสิ่งเดียวกัน สามารถรักษาได้เช่นเดียวกัน จริงๆแล้วยาแก้แพ้ ใช้รักษาโรคอะไรได้บ้าง กินแก้โรคภูมิแพ้ หรือกินแก้โรคไข้หวัดได้ใช่หรือเปล่า

เราทดลองฟังคำตอบจากหมอ นพ.พิสนธิ์ จำเป็นต้องเชื้อสาย ผู้เขียนบทความเรื่อง ยาแก้แพ้ใช้กับโรคภูมิแพ้ ไม่ใช่โรคไข้หวัด ในวารสาร “สานฝัน” ที่ทำงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 22 เดือนกรกฎาคม 2554 ซึ่งชี้เฉพาะไว้ดังต่อไปนี้

เรื่องการใช้ ยาแก้แพ้ โรคภูมิแพ้ โรคไข้หวัด

คนป่วยมากมายเมื่อมีลักษณะอาการน้ำมูกไหลจากการเป็นหวัด เจ็บคอ เอาแต่ได้รับยาแก้แพ้ (antihistamine) จากผู้สั่งยา รวมทั้งยาที่นิยมสั่งใช้เป็นยาต้านฮิสตามีนกลุ่มที่ทำให้ง่วงหงาวหาวนอนน้อย ที่เรียกว่า non-sedating antihistamine หรือ 2nd generation antihistamine

ยากลุ่มนี้ที่จัดเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติฉบับขณะนี้ มี cetirizine hydrochloride แล้วก็ loratadine ชนิด tablet และ syrup ซึ่งจัดเป็นยาบัญชี กรัม ทั้งสองชนิดถ้าเป็นยาชื่อสามัญ (generic drug) จะราคาสูงจัดซื้ออ้างอิงเม็ดละราว0.3-0.6บาท

ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ที่เป็นยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ มี desloratadine,levocetirizine และจากนั้นก็ fexofenadine ซึ่งแพงจัดซื้ออ้างอิงคร่าวๆเม็ดละ 26, 16 รวมถึง 10 บาท เป็นลำดับ ผู้รับบริการในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าแล้วก็ประกันสังคม เห็นแก่ตัวรับยากลุ่มแรกที่เป็นยาราคาประหยัด แล้วก็เป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐรวมถึงผู้ที่จ่ายเงินเองตามสถานพยาบาลหรือโรงหมอเอกชนจำนวนหนึ่งอาจได้รับยาในกลุ่มลำดับที่สอง ซึ่งแพงแพงกว่ายาในกลุ่มแรกล้นหลาม ยาทุกประเภทในกลุ่มนี้ลงบัญชีเพื่อใช้ดีขึ้นกว่าเดิมอาการในโรคภูมิแพ้

ทั้งนี้ก็เพราะอาการคัดจมูก จาม น้ำมูกไหล ในโรคภูมิแพ้เกิดขึ้นจากการที่เยื่อบุโพรงจมูก ถูกกระตุ้นด้วยสารฮิสตามีนที่ถูกปลดปล่อยคราวหลังเยื่อบุโพรงจมูกสัมผัสกับสารภูมิแพ้ การให้ยาต้านทานฮิสตามีนขณะเป็นหวัดก็เลยคือการใช้ยาที่ไม่สอดคล้องกับกลไกการเกิดอาการ งานศึกษาวิจัยจำพวก Cochrane systematic review เรื่อง Antihistamines for the common cold โดย Sutter รวมถึงแผนก (2003) ซึ่งพินิจพิจารณาข้อมูลจากงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัย 32 เรื่องจำนวนผู้ป่วย 8,930 คน มีผลสรุปดังนี้

1. ยาแก้แพ้พวก non-sedating เห็นผลการรักษาไม่ต่างจากยาหลอก

2. meta-analysis ของงานค้นคว้าวิจัย 8 เรื่องของยาแก้แพ้ชนิด sedatingantihistamine พบว่ายามีประสิทธิผลบ้างในการดีขึ้นอาการจามรวมทั้งน้ำมูกไหลในคนวัยแก่ แต่มีประสิทธิผลต่ำโดยมี number needed to treat (NNT) เท่ากับ 14 (มีความหมายว่าจะต้องรักษาคนป่วยไป 14 คนก็เลยจะมีข้อคิดเห็นว่ายามีประสิทธิผลเหนือกว่ายาหลอก 1คน) แต่มีผลใกล้กันที่สำคัญเป็นอาการง่วงซึม

3. ยาแก้แพ้อาจมีประสิทธิผลน้อยเมื่อใช้ร่วมกับ decongestant (ดังเช่น pseudoephedrine)ในทางความปลอดภัยจากการใช้ยาพบว่า sedating antihistamine อาจส่งผลให้เกิดparadoxical effect ในเด็กตัวเล็กๆโดยทำให้เด็กมีลักษณะตื่นเต้น ไม่สบายใจ ร้องกวน นอนไม่หลับ ประสาทหลอนและถ้าเกิดได้รับยาเกินขนาดอาจเสียชีวิตได้ พว่าระหว่างปี ค.ศ. 2004-2005 ในอเมริกามีเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบที่จะจำต้องเข้ารับการดูแลรักษาที่ห้องเร่งด่วน

 

เพราะเหตุว่าการใช้ยากลุ่มนี้มากถึง 1,519 ราย ตั้งแต่มกราคม 2008 สำ นักงานคณะกรรมการอาหารและก็ยาของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศให้ยาแก้หวัด-แก้ไอ ที่ซื้อได้เองโดยไม่จำเป็นที่จะจำเป็นต้องใช้ใบสั่งแพทย์ (ซึ่งมักมียาแก้แพ้เช่น chlorpheniramine และจากนั้นก็ brompheniramine เป็นส่วนประกอบ) เป็นยาที่ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ

ในเวลาที่ประเทศในสหภาพยุโรป อาทิเช่น อังกฤษประกาศไม่ให้ใช้ในเด็กอายุต่ำยิ่งกว่า 6 ขวบ ส่วนเด็กอายุ 6-12 ปี คาสิโนออนไลน์ผู้ดูแลที่ซื้อยาควรต้องได้รับข้อเสนอแนะจากเภสัชกร

คนชรามีความไวต่อฤทธิ์ต้านทานมัสติดอยู่รินิกของยาเหล่านี้ ซึ่งอาจเสริมฤทธิ์กับยาอื่นที่ใช้อยู่เป็นประจำ อาจนำข้อมูลข้างต้นมาสรุปเป็น

กรรมวิธีใช้ยาแก้แพ้ในโรคไข้หวัด อย่างสมเหตุผล

1. ไม่ใช้ยาแก้แพ้พวก non-sedating ในโรคไข้หวัด ทั้งในเด็กและก็คนสูงอายุ เพราะไม่เป็นผล

2. ไม่ใช้ยาแก้แพ้ที่ราคาสูงแพงในโรคไข้หวัด เพราะเหตุว่าทำ ให้กำเนิดการสิ้นไปทางด้านเศรษฐกิจได้มาก

3. ไม่ใช้ยาแก้แพ้จำพวก sedating ในเด็กอายุน้อยกว่า 12 ปี เพราะอาจทำให้เป็นอันตรายร้ายสล็อตออนไลน์แรงจากการให้ยาโดยไม่ถูกต้องของผู้ดูแล

4. หลบเลี่ยงการใช้ยาแก้แพ้ชนิด sedating ในคนสูงอายุ เหตุเพราะคุณค่าที่อาจมี ไม่คุ้มกับผลพวงที่อาจเกิดขึ้น

5. ถ้าจำเป็นต้อง อาจให้ยาแก้แพ้ชนิด sedating918kissในคนสูงอายุบางราย แต่ควรระลึกว่ายาเหล่านี้มีประสิทธิผลต่ำในโรคไข้หวัด และทำให้ง่วงซึม ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายจากการล้มหรือตกจากที่สูง รวมทั้งอันตรายจากการควบคุมเครื่องจักรหรือการขับขี่ยานพาหนะ

จดจำไว้เสมอว่ายาแก้แพ้ ไม่ใช่ยาแก้หวัด แล้วหลังจากนั้นก็ลดน้ำมูก ยาแก้แพ้ใช้สำหรับโรคภูมิแพ้เท่านั้นเอง

โพสต์โดย : Koalamean Koalamean เมื่อ 19 ม.ค. 2564 13:27:14 น. อ่าน 150 ตอบ 0

facebook